ซื้อ Bitcoin ที่ไหนดี? คู่มือฉบับละเอียดสำหรับมือใหม่
Bitcoin ถูกพูดถึงในฐานะสกุลเงินดิจิทัลยอดนิยมที่มีศักยภาพในการปฏิวัติวงการการเงิน แต่สำหรับมือใหม่แล้ว คำถามที่มักจะพบได้บ่อยๆ ก็คือ "จะซื้อ Bitcoin ได้ที่ไหน และจะเริ่มต้นอย่างไร?” ในโลกที่เทคโนโลยีบล็อกเชนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว การเข้าสู่ตลาด Bitcoin อาจจะดูซับซ้อนมากเกินไปสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะปัจจุบันมีช่องทางการซื้อ Bitcoin หลากหลายรูปแบบที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเว็บเทรดคริปโต แพลตฟอร์ม P2P หรือ กระเป๋าเงินคริปโตที่ช่วยให้คุณซื้อ Bitcoin ได้โดยตรง ทุกคนสามารถเริ่มต้นลงทุนในเหรียญคริปโตชั้นนำนี้ได้ แม้จะมีเงินทุนเริ่มต้นไม่มากก็ตาม

เริ่มต้นลงทุน Bitcoin: ทำไมต้อง Bitcoin และจะซื้อ Bitcoin ที่ไหนดี

Bitcoin (บิทคอยน์) คือ สกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายอำนาจที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก ถูกสร้างขึ้นในปี 2008 โดยบุคคลหรือกลุ่มที่ใช้นามแฝงว่า “ซาโตชิ นาคาโมโตะ” (Satoshi Nakamoto) เพื่อให้เป็น “สกุลเงินของโลกอินเทอร์เน็ต” ที่ช่วยให้ผู้คนสามารถทำธุรกรรมระหว่างกันได้โดยตรงแบบ Peer-to-Peer โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่างธนาคารหรือสถาบันการเงิน
Bitcoin ทำงานผ่านระบบที่เรียกว่า “บล็อกเชน” (Blockchain) ซึ่งเป็นเหมือนสมุดบัญชีดิจิทัลที่จดบันทึกธุรกรรมทั้งหมด โดยทุกคนในเครือข่ายสามารถเข้าถึงและตรวจสอบธุรกรรมที่เกิดขึ้นได้ นี่คือระบบความปลอดภัยที่สำคัญของ Bitcoin เพราะการแฮ็กเครือข่าย Bitcoin เป็นเรื่องยากมากในทางปฏิบัติ
เหตุผลที่ควรลงทุนใน Bitcoin
Bitcoin กลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลกด้วยเหตุผลที่น่าสนใจหลายประการ ทำให้นักลงทุนและผู้ใช้งานจำนวนเลือกลงทุนและซื้อ Bitcoin ด้วยเหตุผลดังนี้:
1. ไม่มีตัวกลาง และ มีต้นทุนต่ำ
Bitcoin เป็นระบบแบบกระจายอำนาจ (Decentralized) ไม่มีองค์กรหรือรัฐบาลใดควบคุม ทำให้การโอนเงินมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่าระบบการเงินแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะการโอนเงินระหว่างประเทศที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและมีต้นทุนที่ต่ำกว่ามาก
2. ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
แม้ว่าทุกธุรกรรม Bitcoin จะถูกบันทึกบนบล็อกเชนที่เปิดเผยและตรวจสอบได้ แต่ตัวตนของผู้ใช้งานยังคงเป็นความลับ ระบบการเข้ารหัสที่ซับซ้อนยังทำให้ Bitcoin มีความปลอดภัยสูง ยากต่อการโจมตีหรือปลอมแปลง นับตั้งแต่มีบล็อกเชน Bitcoin เกิดขึ้น ยังไม่เคยมีรายงานการถูกแฮ็กหรือทำลายข้อมูลแม้แต่ครั้งเดียว
3. มีอุปทานที่จำกัด
Bitcoin มีอุปทานจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากเงินทั่วไปที่ธนาคารกลางสามารถพิมพ์เพิ่มได้ไม่จำกัด ด้วยกลไก Bitcoin Halving ที่ลดอัตราการผลิตเหรียญใหม่ลงครึ่งหนึ่งทุกๆ 4 ปี ทำให้หลายคนมองว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่อาจจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว เนื่องจากอุปทานที่มีจำกัดแต่มีความต้องการเพิ่มขึ้น
4. ศักยภาพในการให้ผลตอบแทนสูง
ในช่วงที่ผ่านมา Bitcoin ได้แสดงให้เห็นถึงการให้ผลตอบแทนที่สูง โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา การลงทุนใน BTC ให้ผลตอบแทนที่สูงถึงราวๆ 500% อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนในอดีตไม่ได้เป็นการรับประกันผลตอบแทนในอนาคต นักลงทุนควรตระหนักถึงความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
5. การกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน
หลายคนเลือกลงทุนใน Bitcoin เพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน เนื่องจาก Bitcoin ไม่ได้เชื่อมโยงโดยตรงกับสินทรัพย์แบบดั้งเดิม เช่น หุ้น พันธบัตร หรืออสังหาริมทรัพย์ การมีสินทรัพย์ที่ไม่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันอาจจะช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตการลงทุนได้
สรุปเหตุผลที่ควรพิจารณาลงทุนใน Bitcoin
การลงทุนใน Bitcoin มีทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ แม้จะมีข้อดีหลายประการที่ทำให้ Bitcoin โดดเด่นในโลกการเงินดิจิทัล แต่นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยง และวางแผนการลงทุนระยะยาว
เมื่อคุณเข้าใจพื้นฐานของ Bitcoin และพร้อมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเรียนรู้วิธีการซื้อ Bitcoin อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ดาวน์โหลด Best Wallet เพื่อซื้อ Bitcoin ตอนนี้
ซื้อ Bitcoin ยังไง: คู่มือ Step-by-Step ซื้อ Bitcoin ผ่าน Best Wallet

การเริ่มต้นลงทุนใน Bitcoin อาจดูเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับโลกคริปโต แต่ปัจจุบันมีเครื่องมือที่ช่วยให้กระบวนการนี้ง่ายขึ้นมาก
Best Wallet เป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยมในปี 2025 ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานทุกระดับประสบการณ์สามารถซื้อ Bitcoin ได้อย่างง่ายดาย
ต่อไป เราจะพาคุณไปเรียนรู้วิธีการซื้อ Bitcoin ผ่าน Best Wallet แบบ step-by-step ครอบคลุมทุกขั้นตอนจากการตั้สมัครบัญชีเพื่อเริ่มใช้งาน ไปจนถึง การทำธุรกรรมจนเสร็จสิ้นทุกกระบวนการ
ทำไมควรซื้อ Bitcoin ผ่าน Best Wallet?
Best Wallet เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมในปี 2025 สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อ Bitcoin อย่างง่ายดายและปลอดภัย โดยมีข้อดีหลายประการ เช่น:
- กระเป๋าเงินแบบ Non-Custodial: คุณเป็นเจ้าของ Private Key 100%
- ไม่ต้องยืนยันตัวตน (No KYC): รักษาความเป็นส่วนตัวได้อย่างเต็มที่
- รองรับบล็อกเชนมากกว่า 60 เครือข่าย: ไม่เพียงแต่ Bitcoin แต่ยังรวมถึง Ethereum, Solana, Polygon และอื่นๆ อีกมากมาย
- ความปลอดภัยระดับสูง: ใช้เทคโนโลยี Fireblocks MPC-CMP ช่วยรับรองความปลอดภัย
- ค่าธรรมเนียมที่เป็นมิตร: มีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการซื้อผ่านแพลตฟอร์มอื่นๆ
ขั้นที่ 1 — ดาวน์โหลดและติดตั้งแอป Best Wallet
เริ่มต้นด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Best Wallet ผ่านช่องทางที่เหมาะสมกับอุปกรณ์ของคุณ:
- สำหรับผู้ใช้งาน Android: ดาวน์โหลดผ่าน Google Play Store
- สำหรับผู้ใช้งาน iOS: ดาวน์โหลดผ่าน App Store
เมื่อดาวน์โหลดแล้ว กดปุ่ม “ติดตั้ง” และรอให้การติดตั้งเสร็จสมบูรณ์

ปัจจุบัน Best Wallet มีให้บริการเฉพาะในรูปแบบแอปพลิเคชันมือถือเท่านั้น ยังไม่มีเวอร์ชันสำหรับเดสก์ท็อปหรือส่วนขยายเบราว์เซอร์
ข้อควรระวัง: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณดาวน์โหลดแอพจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เพื่อหลีกเลี่ยงแอพปลอมที่อาจขโมยข้อมูลของคุณ
เมื่อเปิดแอปพลิเคชัน Best Wallet แล้ว คุณจะต้องทำการสมัครบัญชี ซึ่งทำได้ง่ายๆ ดังนี้:
ขั้นที่ 2 — สร้างบัญชีกระเป๋าเงินของคุณ
- เลือกวิธีการสมัครบัญชีที่คุณสะดวก:
- ใส่อีเมลของคุณ หรือ
- ดำเนินการต่อด้วยบัญชี Apple หรือ Google ของคุณ

- สร้างรหัส PIN 4 หลักเพื่อความปลอดภัยและเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนด้วยระบบไบโอเมตริก

- จดบันทึก Seed Phrase ของคุณเอาไว้ในกระดาษ แล้วเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย (ไม่ควรถ่ายรูปหรือเก็บในรูปแบบดิจิทัลที่เข้าถึงได้ง่าย) เนื่องจาก Seed Phrase เป็นสิ่งสำคัญที่จะใช้เข้าถึงกระเป๋าเงินของคุณได้หากคุณลืมรหัสหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่
ข้อควรระวัง: อย่าเปิดเผย Seed Phrase หรือรหัส PIN ให้ผู้อื่นทราบไม่ว่ากรณีใดๆ และไม่ควรเก็บไว้ในอีเมลหรือคลาวด์สตอเรจ หากมีผู้ใดขอข้อมูลเหล่านี้ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นการหลอกลวง
ขั้นที่ 3 — ซื้อ Bitcoin ผ่าน Best Wallet
ต่อไป เรามาดูวิธีการซื้อ Bitcoin โดยตรงจากกระเป๋าเงิน Best Wallet ของคุณ
- ที่หน้าหลักของแอป Best Wallet ให้กดปุ่ม “ซื้อ” (Buy) ในหน้าต่างกระเป๋าเงินของคุณ

- เลือกเครือข่ายและเหรียญที่จะซื้อ:
- เลือกเชน “Bitcoin” จากรายการเครือข่ายที่แสดง
- จากนั้นเลือก “Bitcoin (BTC)” จากรายการเหรียญด้านล่าง

- กำหนดจำนวนเงินที่ต้องการซื้อ:
- กรอกจำนวนเงินที่ต้องการใช้ซื้อ BTC
- เลือกสกุลเงิน “บาท (THB)” จากเมนูด้านขวา
- ระบบจะคำนวณจำนวน BTC ที่คุณจะได้รับโดยอัตโนมัติตามราคาตลาดปัจจุบัน

- เลือกวิธีการชำระเงิน:
- ระบบจะแสดงตัวเลือกการชำระเงินที่มีให้บริการในประเทศไทย เช่น บัตรเครดิต/เดบิต, QR Code ผ่านแอปธนาคาร, Google Pay/Apple Pay (ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้), บริการชำระเงินอื่นๆ เช่น PayPal, Skrill เป็นต้น

- ระบบจะนำคุณไปยังหน้าของผู้ให้บริการชำระเงิน:
- แอป Best Wallet จะเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการชำระเงินบุคคลที่สาม เช่น Banxa
- ผู้ให้บริการจะเสนอตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ โดยพิจารณาจากราคา ความเร็ว และข้อกำหนดอื่นๆ
- คุณสามารถเปรียบเทียบตัวเลือกผู้ให้บริการรายต่างๆ ได้ตามความต้องการ
- ทำตามขั้นตอนการชำระเงินของผู้ให้บริการ:
- กรอกข้อมูลการชำระเงินตามที่กำหนด
- ตรวจสอบและยืนยันรายละเอียดการทำธุรกรรม
- ผู้ให้บริการบางรายอาจจะขอให้คุณยืนยันตัวตน (ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ)
- ยืนยันการชำระเงิน:
- เมื่อชำระเงินแล้ว ให้รอการยืนยัน
- บางธนาคารอาจส่งรหัส OTP หรือ ขอการยืนยันเพิ่มเติมสำหรับการทำธุรกรรมดิจิทัล
ข้อสังเกต: การซื้อ Bitcoin อาจต้องเสียค่าธรรมเนียมซึ่งแตกต่างกันไปตามวิธีการชำระเงินและผู้ให้บริการ โดยทั่วไปการชำระด้วยบัตรเครดิตมักมีค่าธรรมเนียมสูงกว่าวิธีการชำระเงินอื่นๆ
5. รับ Bitcoin เข้ากระเป๋าเงิน
หลังจากทำการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว:
- ระบบจะส่ง Bitcoin เข้ากระเป๋าเงิน Best Wallet ของคุณโดยอัตโนมัติ
- การโอน Bitcoin เข้ากระเป๋าอาจใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับ:
- ความแออัดของเครือข่าย Bitcoin
- ความเร็วในการยืนยันการชำระเงินจากผู้ให้บริการ
- จำนวนการยืนยันธุรกรรมที่ต้องการบนเครือข่าย Bitcoin
- ตรวจสอบสถานะการทำธุรกรรมได้ที่:
- แท็บ “Trade” หรือ “History” ในแอป Best Wallet
- รายละเอียดธุรกรรมจะแสดงสถานะปัจจุบัน จำนวน และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง
- เมื่อธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์:
- คุณจะเห็นยอด Bitcoin ที่เพิ่มขึ้นในหน้าหลักของแอป
- จะมีการแจ้งเตือนยืนยันการรับเหรียญเข้ากระเป๋า
ข้อแนะนำ: หากธุรกรรมไม่เสร็จสมบูรณ์หลังจากผ่านไปมากกว่า 2 ชั่วโมง ควรติดต่อทีมสนับสนุนของผู้ให้บริการชำระเงินที่คุณใช้ เนื่องจาก Best Wallet เป็นเพียงตัวกลางในการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการเท่านั้น
ดาวน์โหลด Best Wallet เพื่อซื้อ Bitcoin ตอนนี้
เปรียบเทียบช่องทางซื้อ Bitcoin: Exchange vs. P2P และปัจจัยที่ต้องพิจารณา
นอกเหนือจากการซื้อ Bitcoin ผ่าน Best Wallet แล้ว ยังมีช่องทางนิยมในการใช้ซื้อ Bitcoin อยู่อีก 2 รูปแบบหลักๆ ซึ่งก็คือ การซื้อผ่านเว็บเทรดคริปโตแบบรวมศูนย์ (CEX) และผ่านแพลตฟอร์มแบบ Peer-to-Peer (P2P) แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกช่องทางที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการ ระดับความเชี่ยวชาญ และปัจจัยที่คุณให้ความสำคัญ
ความแตกต่างระหว่างการซื้อผ่าน Exchanges และแพลตฟอร์ม P2P
- เว็บเทรดคริปโตแบบรวมศูนย์ — ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการซื้อขาย Bitcoin ผู้ใช้งานจะซื้อขายกับ เว็บเทรดคริปโตโดยตรง โดยเว็บเทรดคริปโตจะจับคู่คำสั่งซื้อและคำสั่งขายผ่านระบบ order book ตัวอย่างของเว็บเทรดคริปโตที่เป็นที่รู้จัก ได้แก่ Binance, Coinbase และ Bitkub เป็นต้น
- แพลตฟอร์ม P2P (Peer-to-Peer) — เป็นตลาดที่เชื่อมต่อผู้ซื้อและผู้ขายโดยตรงโดยไม่มีตัวกลาง ผู้ใช้งานสามารถสร้างประกาศซื้อหรือขาย Bitcoin และคู่สัญญาสามารถติดต่อกับพวกเขาเพื่อทำการซื้อขาย ตัวอย่างของแพลตฟอร์ม P2P ได้แก่ Binance P2P, Paxful และ KuCoin P2P เป็นต้น
เปรียบเทียบช่องทางซื้อ Bitcoin: Exchange vs. P2P
ปัจจัย | Exchanges | P2P |
ค่าธรรมเนียม | 0.05% – 0.60% ขึ้นอยู่กับปริมาณการซื้อขาย | มักไม่มีค่าธรรมเนียมหรือต่ำกว่า แต่ผู้ขายอาจตั้งราคาสูงกว่าตลาดเล็กน้อย |
ความปลอดภัย | มีระบบความปลอดภัยมาตรฐาน (MFA, cold storage) แต่เป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ | ใช้ระบบ escrow และกลไกระงับข้อพิพาทเพื่อปกป้องการทำธุรกรรม |
ความสะดวกสบาย | อินเทอร์เฟสใช้งานง่าย มีเครื่องมือซื้อขายขั้นสูง ซื้อขายได้รวดเร็ว | อาจซับซ้อนกว่าสำหรับมือใหม่ ต้องเจรจากับผู้ขายโดยตรงและรอการตอบกลับ |
ความน่าเชื่อถือ | มีความน่าเชื่อถือสูง สภาพคล่องมาก แต่อาจมีปัญหาระบบล่มในช่วงตลาดคึกคัก | ขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือของผู้ขายแต่ละราย มีระบบให้คะแนนผู้ใช้ |
ความเป็นส่วนตัว | ต้องการข้อมูลส่วนตัวมากผ่านกระบวนการ KYC อย่างเข้มงวด | อาจมีข้อกำหนด KYC ที่น้อยกว่า ให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า |
การชำระเงิน | มักรองรับเฉพาะบัตรเครดิตและการโอนเงินผ่านธนาคาร | รองรับวิธีการชำระเงินหลากหลาย รวมถึงวิธีชำระเงินในท้องถิ่น |
การเข้าถึง | อาจไม่เปิดให้บริการในบางประเทศ มีข้อจำกัดในบางภูมิภาค | มีการเข้าถึงทั่วโลกมากกว่า ไม่มีข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์มากนัก |
สภาพคล่อง | สูง ซื้อขายได้ทันที | ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ใช้และข้อเสนอที่มีอยู่ในแพลตฟอร์ม |
เหมาะสำหรับ | มือใหม่, นักเทรดที่ต้องการความรวดเร็ว | ผู้ที่ต้องการค่าธรรมเนียมต่ำ ความเป็นส่วนตัวสูง หรือมีข้อจำกัดในการเข้าถึง exchanges |
ความปลอดภัยในการซื้อและจัดเก็บ Bitcoin: วิธีป้องกันการถูกแฮกและรักษา Bitcoin ให้ปลอดภัย
ในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความเสี่ยงสูง การรักษาความปลอดภัยของ Bitcoin ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจาก Bitcoin ไม่มีหน่วยงานกลางที่คอยดูแลความปลอดภัย ทำให้ผู้ใช้งานต้องรับผิดชอบการรักษาความปลอดภัยด้วยตนเอง ต่อไป เราจะมาบอกถึงวิธีการป้องกัน Bitcoin ของคุณจากการถูกแฮ็กและการโจรกรรมทางไซเบอร์อย่างละเอียด
ความสำคัญของความปลอดภัยในการเก็บรักษา Bitcoin
หากคุณสูญเสีย Private Key หรือถูกขโมย คุณแทบไม่มีโอกาสจะได้รับเงินคืน ไม่มีหน่วยงานใดที่จะช่วยกู้คืนหรือชดเชยความเสียหายให้คุณได้ สถิติการโจมตีทางไซเบอร์แสดงให้เห็นว่าการโจมตีจากแฮกเกอร์ที่มีความซับซ้อนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าแฮกเกอร์สามารถขโมยคริปโตฯ มูลค่าถึง 1.34 พันล้านดอลลาร์ใน 47 เหตุการณ์ในปี 2024
ภัยคุกคามหลักในการเก็บรักษา Bitcoin
- การโจมตีแบบฟิชชิ่ง (Phishing): แฮกเกอร์ใช้เทคนิคหลอกลวงผ่านเว็บไซต์หรืออีเมลปลอมเพื่อให้คุณเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวหรือ Private Key
- มัลแวร์ (Malware): ซอฟต์แวร์อันตรายที่ขโมยข้อมูลกระเป๋าเงินดิจิทัลหรือ Private Key
- การแฮ็กเข้าสู่เว็บเทรดคริปโต: แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ อาจถูกแฮ็ก เช่น กรณีของ Bybit ที่สูญเสียสินทรัพย์มูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์
- การทำธุรกรรมผิดพลาด: การกรอกที่อยู่กระเป๋าเงินผิด ทำให้โอนเงินไปยังที่อยู่ที่ไม่รู้จักและไม่สามารถเรียกคืนได้
การใช้ Hardware Wallet เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการจัดเก็บ Bitcoin
Hardware Wallet เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการเก็บรักษา Bitcoin แต่ทำไม Hardware Wallet จึงปลอดภัยกว่าหล่ะ?
- ไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต: Hardware Wallet ทำงานแบบ “cold storage” หมายความว่าอุปกรณ์ไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ทำให้แฮกเกอร์ไม่สามารถเข้าถึงได้ทางออนไลน์
- เก็บ Private Key แยกต่างหาก: Private Key ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึง Bitcoin จะถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์แยกต่างหากจากคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนที่อาจเสี่ยงต่อมัลแวร์
- การเซ็นธุรกรรมที่ปลอดภัย: เมื่อต้องการส่ง Bitcoin ธุรกรรมจะถูกสร้างและเซ็นภายในอุปกรณ์ โดย Private Key ไม่เคยออกจาก Hardware Wallet เลย
การใช้ Hardware Wallet ร่วมกับ Hot Wallet อย่างปลอดภัย
เพื่อความสะดวกและปลอดภัยสูงสุด คุณสามารถใช้ Hardware Wallet ร่วมกับ Hot Wallet ได้ดังนี้:
- แบ่งสัดส่วน: เก็บ Bitcoin ส่วนใหญ่ไว้ใน Hardware Wallet และเก็บจำนวนเล็กน้อยที่ใช้งานประจำไว้ใน Hot Wallet
- การเชื่อมต่อกระเป๋าเงิน: แอปกระเป๋าเงินหลายตัวรองรับการเชื่อมต่อกับ Hardware Wallet โดยที่คุณดูยอดเงินและสร้างธุรกรรมผ่านแอป แต่การอนุมัติธุรกรรมต้องทำผ่าน Hardware Wallet
- ใช้แบบ Watch-only: ตั้งค่ากระเป๋าเงินแบบ “ดูอย่างเดียว” เพื่อตรวจสอบยอดเงินโดยไม่ต้องเสี่ยงกับการเข้าถึง Private Key
10 วิธีรักษาความปลอดภัยในการซื้อและจัดเก็บ Bitcoin
วิธีการ | รายละเอียด |
1. ใช้ Cold Wallet สำหรับการเก็บระยะยาว | เก็บ Bitcoin ปริมาณมากในกระเป๋าแบบ Hardware Wallet ที่ไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เพื่อป้องกันการโจมตีทางออนไลน์ |
2. ซื้อ Hardware Wallet จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ | ซื้อจากเว็บไซต์ผู้ผลิตโดยตรงหรือตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต เพื่อหลีกเลี่ยงอุปกรณ์ปลอม |
3. กระจายความเสี่ยงด้วยหลายกระเป๋าเงิน | แบ่งเก็บ Bitcoin ในกระเป๋าหลายประเภท – Software Wallet สำหรับธุรกรรมทั่วไป และ Hardware Wallet สำหรับเก็บระยะยาว |
4. เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองชั้น (2FA) | เพิ่มความปลอดภัยด้วยรหัส 6 หลักที่เปลี่ยนทุก 30 วินาที พร้อมทั้งสำรองข้อมูล 2FA |
5. สร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่งและไม่ซ้ำกัน | ใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อน ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัว และไม่ซ้ำกันระหว่างบัญชี |
6. เก็บรักษา Seed Phrase อย่างปลอดภัย | บันทึกลงบนกระดาษหรือแผ่นโลหะ เก็บในที่ปลอดภัย ไม่ถ่ายรูปหรือเก็บในรูปแบบดิจิทัล |
7. ใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัย | หลีกเลี่ยง Wi-Fi สาธารณะ และใช้ VPN เพิ่มความปลอดภัยแม้เชื่อมต่อจากบ้าน |
8. หมั่นตรวจสอบอุปกรณ์และบัญชี | ใช้ Anti-Virus และ Firewall สแกนไวรัสสม่ำเสมอ และติดตามธุรกรรมผิดปกติ |
9. ระวังการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง | ตรวจสอบความถูกต้องของเว็บไซต์และอีเมล ไม่กดลิงก์ที่น่าสงสัย ไม่เปิดเผย Private Key |
10. ใช้กลยุทธ์การลงทุนที่ปลอดภัย | DCA: ซื้อ Bitcoin ทีละน้อยเป็นประจำ<br>HODL: ถือครองระยะยาวโดยไม่สนใจความผันผวน |
สรุป
การซื้อ Bitcoin ในปี 2025 มีหลากหลายช่องทางที่เข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นผ่าน Best Wallet ที่ใช้งานสะดวก เว็บเทรดคริปโตที่มีสภาพคล่องสูง หรือแพลตฟอร์ม P2P ที่เน้นความเป็นส่วนตัว ทุกคนสามารถเริ่มต้นลงทุนได้แม้มีเงินทุนไม่มาก โดยเลือกวิธีซื้อ Bitcoin ที่เหมาะกับความต้องการและระดับความเชี่ยวชาญของตนเอง
อีกสิ่งสำคัญก็คือ ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอเมื่อซื้อ Bitcoin การเลือกใช้กระเป๋าเงินที่น่าเชื่อถือ (เช่น Best Wallet) การเก็บรักษา Seed Phrase อย่างปลอดภัย และการกระจายความเสี่ยงด้วยหลายกระเป๋าเงิน เป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนระยะยาว นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านและเริ่มต้นด้วยวิธีซื้อ Bitcoin ที่เหมาะสมกับตนเอง เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีอนาคตอันสดใส
ดาวน์โหลด Best Wallet เพื่อซื้อ Bitcoin ตอนนี้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการซื้อ Bitcoin ที่ไหนดี
Best Wallet คือกระเป๋าเงินคริปโตแบบ Hot Wallet บนมือถือที่ผู้ใช้งานควบคุม private key เองแบบ non-custodial โดยไม่ต้องผ่าน KYC รองรับหลายเหรียญและบล็อกเชน แตกต่างจาก Exchange ตรงที่ Wallet เน้นการเก็บรักษาและควบคุมสินทรัพย์ด้วยตัวเอง ขณะที่ Exchange เน้นการซื้อขายแลกเปลี่ยนโดยแพลตฟอร์มเป็นผู้ควบคุม private key แทนผู้ใช้งาน
ความจำเป็นในการยืนยันตัวตน (KYC) นั้นขึ้นอยู่กับช่องทางที่คุณเลือกใช้ในการซื้อ Bitcoin บางช่องทางอย่าง Best Wallet ไม่จำเป็นต้องยืนยันตัวตน (No KYC) ซึ่งช่วยรักษาความเป็นส่วนตัว ขณะที่เว็บเทรดคริปโตแบบรวมศูนย์ (Exchange) มักจะมีกระบวนการ KYC อย่างเข้มงวด ส่วนแพลตฟอร์ม P2P อาจมีข้อกำหนด KYC อยู่บ้างแต่น้อยกว่าเว็บเทรดคริปโตแบบรวมศูนย์
จำนวน Bitcoin ขั้นต่ำที่ซื้อได้ขึ้นอยู่กับแต่ละแพลตฟอร์ม โดย Bitkub อนุญาตให้ซื้อขั้นต่ำเพียง 10 บาทต่อรายการ ขณะที่ Binance กำหนดขั้นต่ำประมาณ 0.00001 BTC หรือเทียบเท่าเงินสกุลท้องถิ่น แพลตฟอร์มส่วนใหญ่จะกำหนดมูลค่าขั้นต่ำเป็นจำนวนเงินบาทหรือดอลลาร์ แม้ทางเทคนิคจะแบ่ง Bitcoin ได้ถึง 0.00000001 BTC (1 Satoshi) แต่ในทางปฏิบัติมีข้อจำกัดด้านค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขขั้นต่ำของแต่ละแพลตฟอร์ม
ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย Bitcoin ประกอบด้วย: ค่าธรรมเนียมซื้อขาย (Trading Fee) โดย Bitkub เก็บ 0.25% ต่อครั้ง ส่วนแพลตฟอร์มต่างประเทศมีโครงสร้างแบบขั้นบันได 0.1%-0.6% ตามปริมาณการซื้อขาย, ค่าธรรมเนียมถอน Bitcoin เฉลี่ย 1.28 ดอลลาร์ต่อธุรกรรม (แปรผันตามความหนาแน่นของเครือข่าย) และค่าธรรมเนียมฝากเงิน ซึ่งส่วนใหญ่ฟรีหรือมีค่าธรรมเนียมต่ำมาก ขึ้นอยู่กับช่องทางที่เลือก
หากคุณลืมรหัสผ่าน Best Wallet ให้ทำตามขั้นตอนดังนี้: ลองนึกถึงรหัสผ่านที่เคยใช้และลองกรอกทุกแบบที่เป็นไปได้ หากยังเข้าไม่ได้ ให้ใช้ “seed phrase” หรือ “recovery phrase” (ชุดคำ 12 คำ) ที่ได้รับตอนสร้างกระเป๋าเงินครั้งแรกเพื่อกู้คืน แต่หากไม่มีทั้งรหัสผ่านและ seed phrase จะไม่สามารถกู้คืนกระเป๋าเงินได้อีก ดังนั้นควรเก็บ seed phrase ไว้ในที่ปลอดภัยเสมอ
ความเสี่ยงของการซื้อ Bitcoin มี 5 กรณีหลักๆ: ความผันผวนของราคาที่ขึ้นลงรวดเร็วอาจทำให้ขาดทุนในเวลาสั้น, ความเสี่ยงด้านกฎหมายเนื่องจาก Bitcoin ยังไม่ใช่เงินที่ถูกกฎหมายในไทยและกฎระเบียบยังเปลี่ยนแปลงบ่อย, ความเสี่ยงจากการถูกโกงหรือหลอกลวงผ่านแชร์ลูกโซ่, ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์จากการแฮ็กกระเป๋าเงินหรือแพลตฟอร์ม และความเสี่ยงด้านภาษีจากภาระภาษีที่อาจซับซ้อน การลงทุนใน Bitcoin จึงควรทำด้วยความระมัดระวัง