วิธีการซื้อคริปโตสำหรับผู้เริ่มต้น
Best Wallet ช่วยให้ผู้เริ่มต้นซื้อคริปโตได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย คุณสามารถใช้บัตรเครดิต บัตรเดบิต กระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์ และอื่นๆ ได้ และขั้นตอนใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้ที่เพิ่งเริ่มใช้คริปโตที่ต้องการวิธีเริ่มต้นที่ง่ายและไม่ยุ่งยาก

คริปโตเคอร์เรนซีเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อราคา Bitcoin พุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้นักลงทุนหน้าใหม่จำนวนมากเริ่มหันมาสนใจและอยากซื้อคริปโต เพื่อเข้าร่วมในตลาดที่มีความผันผวนสูง โดยหวังที่จะสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเริ่มลงทุน สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจพื้นฐานของคริปโตเคอร์เรนซี รวมถึงความเสี่ยงและโอกาสที่มาพร้อมกับการลงทุนประเภทนี้
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่อยากซื้อเหรียญคริปโต แต่ยังไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร บทความนี้จะเป็นคู่มือเบื้องต้นที่จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าคริปโตเคอร์เรนซีคืออะไร ทำงานอย่างไร วิธีการเริ่มต้นลงทุนอย่างเหมาะสม ขั้นตอนการซื้อคริปโตผ่านแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ รวมถึง แนวทางการบริหารความเสี่ยงเพื่อปกป้องเงินลงทุนของคุณ
คริปโตเคอร์เรนซีคืออะไร ทำไมจึงมีคนสนใจมากมาย?

คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คือสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นบนเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งเป็นระบบการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ ไม่มีตัวกลางหรือองค์กรใดๆ ควบคุม ทำให้การทำธุรกรรมมีความโปร่งใสและปลอดภัยจากการแก้ไขโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เหรียญคริปโตชั้นนำที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ Bitcoin, Ethereum, Solana และเหรียญอื่นๆ อีกมากมายกว่าหลายหมื่นเหรียญที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบัน
หลายๆ คนที่อยากซื้อคริปโต มักจะถูกดึงดูดด้วยโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนสูงจากการลงทุน เนื่องจากคริปโตเคอร์เรนซีบางเหรียญมีจำนวนที่จำกัด เช่น Bitcoin ที่มีอยู่เพียง 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ทำให้ราคามีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นตามความต้องการที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติของราคาของคริปโตนั้นมีความผันผวนสูง ซึ่งหมายความว่า ราคาอาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาสั้นๆ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาคริปโต
ปัจจัยหลักๆ ที่ส่งผลต่อราคาเหรียญคริปโตก็คือ อุปสงค์และอุปทาน (Demand & Supply) เมื่อมีผู้ต้องการซื้อเหรียญคริปโตมากกว่าผู้ที่ต้องการขาย ราคาก็จะปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะเหรียญที่มีจำนวนจำกัด เช่น Bitcoin ยิ่งมีผู้ใช้งานมากขึ้นเท่าไร ความต้องการก็จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ หากไม่มีปัจจัยอื่นๆ มากระทบ
ข่าวสารและกระแสสังคมก็มีอิทธิพลอย่างมากต่อความผันผวนของราคาคริปโต การประกาศนโยบายจากรัฐบาลหรือหน่วยงานกำกับดูแล ความเคลื่อนไหวของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ หรือแม้แต่โพสต์ในโซเชียลมีเดียของบุคคลที่มีอิทธิพล ก็ล้วนแต่สามารถทำให้คนเกิดความตื่นตัว อยากซื้อคริปโต หรือ เกิดความกลัวและเทขายได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว
การพัฒนาทางเทคโนโลยีและการนำไปใช้งานจริงก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ โปรเจกต์คริปโตที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง มีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในธุรกิจใดๆ ก็ตาม มักจะได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนมากกว่า เมื่อมีการอัปเกรดระบบสำคัญหรือมีพาร์ทเนอร์รายใหญ่เข้ามาร่วมมือด้วย ก็มักทำให้ผู้คนสนใจ อยากซื้อเหรียญคริปโตนั้นๆ ส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นได้
ข้อดีของการลงทุนในคริปโต
- ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อย – หากคุณอยากซื้อเหรียญคริปโตแต่มีงบจำกัด ไม่ต้องกังวล เพราะคุณสามารถเริ่มต้นด้วยเงินเพียงไม่กี่ร้อยบาทก็ลงทุนได้
- ซื้อเป็นหน่วยย่อยได้ – ไม่จำเป็นต้องซื้อเต็มเหรียญ สามารถซื้อเป็นเศษส่วนของเหรียญได้ เช่น Satoshi ซึ่งเป็นหน่วยย่อยของ Bitcoin (BTC)
- โอกาสได้รับผลตอบแทนสูง – ในระยะสั้นๆ ราคาคริปโตอาจจะเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว สร้างผลตอบแทนที่สูงได้
ข้อเสียของการลงทุนในคริปโต
- ความผันผวนสูง – ราคาอาจจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง
- มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินลงทุน – คุณอาจจะสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนหากเลือกลงทุนในเหรียญที่ไม่มีพื้นฐานรองรับ
- การกำกับดูแลยังไม่เข้มงวด – เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ลงทุนประเภทอื่น การกำกับดูแลคริปโตยังค่อนข้างหลวม
คำศัพท์พื้นฐานที่ควรรู้ก่อนซื้อเหรียญคริปโต
เมื่อคุณเริ่มศึกษาเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี คุณมักจะได้พบกับคำศัพท์เฉพาะทางมากมาย และนี่คือคำศัพท์พื้นฐานที่ควรรู้:
- Blockchain – เทคโนโลยีที่เป็นพื้นฐานของคริปโตเคอร์เรนซี เป็นระบบบันทึกข้อมูลแบบกระจายศูนย์ที่ปลอดภัยและโปร่งใส
- Bitcoin (BTC) – เหรียญคริปโตที่ถูกสร้างขึ้นเป็นเหรียญแรกในปี 2009 โดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto ปัจจุบัน BTC ก็ยังคงเป็นเหรียญคริปโตที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุด
- Altcoin – คริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ ที่ไม่ใช่ Bitcoin เช่น Ethereum, Solana, XRP, Cardano เป็นต้น
- Wallet – กระเป๋าเงินที่ใช้เก็บคริปโตเคอร์เรนซี มีทั้งแบบ Hot Wallet ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และแบบ Cold Wallet ที่ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
- Exchange – แพลตฟอร์มที่ให้บริการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี เช่น Binance หรือ Bitkub เป็นต้น
- Public Key & Private Key – กุญแจสาธารณะและกุญแจส่วนตัวที่ใช้ในการทำธุรกรรมคริปโต เปรียบเสมือนชื่อบัญชี/รหัสผ่านที่ใช้เข้าถึงเหรียญของคุณ
ทีนี้เมื่อคุณเข้าใจพื้นฐานและปัจจัยที่มีผลต่อราคาคริปโตเคอร์เรนซีแล้ว คำถามที่มือใหม่มักจะถามก็คือ “ซื้อเหรียญคริปโตที่ไหนดี?” เนื่องจากมีวิธีการซื้อคริปโตนั้นมีหลายช่องทางให้เลือก แต่ละแห่งก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้การซื้อคริปโตของคุณเป็นไปอย่างสะดวกและปลอดภัย
ซื้อคริปโตที่ไหนดี? เปรียบเทียบทางเลือกการซื้อคริปโต
จะซื้อคริปโตที่ไหนดี? ซื้อเหรียญคริปโต แอพไหนดี? นี่เป็นคำถามทั่วไปที่พบได้บ่อยครั้งตามกระทู้ของนักเทรดคริปโตหน้าใหม่ โดยปกติแล้ว คนส่วนใหญ่นิยมใช้ 2 ช่องทางหลักๆ ต่อไปนี้เพื่อทำการซื้อคริปโต:
ซื้อผ่านกระเป๋าเงินคริปโต (Crypto Wallet)

วิธีการนี้เป็นที่นิยมสำหรับมือใหม่ที่พึ่งจะเข้ามาสู่โลกคริปโตได้ไม่นาน เนื่องจากมีวิธีการซื้อที่ง่าย ไม่ซับซ้อน เพียงสมัครใช้งานกระเป๋าเงินคริปโตก็สามารถซื้อได้ทันที
ในปัจจุบัน แพลตฟอร์มกระเป๋าเงินคริปโตหลายๆ แพลตฟอร์มได้เพิ่มฟีเจอร์ให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อคริปโตได้โดยตรงผ่านแอปพลิเคชัน ทำให้สะดวกสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการความง่ายและรวดเร็ว เช่น Best Wallet ที่คุณสามารถซื้อเหรียญคริปโตชั้นนำหลายๆ เหรียญ — จากกว่า 60 เครือข่ายที่รองรับ — ได้จากภายในกระเป๋าเงินโดยตรง
ข้อดี:
- ความเป็นส่วนตัวสูง – บางแอพไม่จำเป็นต้องทำ KYC (ยืนยันตัวตน)
- ความปลอดภัย – ลดความเสี่ยงจากการถูกแฮ็กเว็บเทรดได้
- ความสะดวก – สามารถซื้อได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยเพียงไม่กี่คลิก
- มีช่องทางชำระเงินหลากหลาย – รองรับการชำระผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือการโอนเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย
ข้อเสีย:
- อาจจะมีตัวเลือกเหรียญจำกัด – บางแอพอาจรองรับเฉพาะเหรียญยอดนิยมเท่านั้น
- ค่าธรรมเนียมอาจสูงกว่า – โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมเครือข่ายในช่วงที่มีผู้ใช้งานสูง
ซื้อผ่านเว็บเทรดคริปโต (Crypto Exchange)
สำหรับการซื้อเหรียญคริปโตผ่านเว็บเทรดคริปโต — ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซี — มักจะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์พอสมควรแล้ว เนื่องจากมีขั้นตอนที่ยุ่งยากมากกว่าเล็กน้อย แต่ก็จะสามารถซื้อได้ในอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจจะถูกกว่าการซื้อผ่านกระเป๋าเงินคริปโต โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่:
1. เว็บเทรดแบบรวมศูนย์ (Centralized Exchange – CEX)
เว็บเทรดคริปโตแบบที่มีผู้ให้บริการบุคคลที่สามเป็นผู้จัดการตลาดซื้อขาย
ข้อดี:
- สภาพคล่องสูง – มีผู้ซื้อขายจำนวนมาก ทำให้สามารถซื้อขายได้สะดวก
- มีทีมสนับสนุนลูกค้า – ในกรณีที่เกิดปัญหา เว็บเทรดเหล่านี้จะมีทีมงานคอยให้บริการเพื่อช่วยเหลือผู้ใช้งาน
- บางเว็บมีประกัน – มีกองทุนคุ้มครองทรัพย์สินของผู้ใช้งาน
ข้อเสีย:
- ส่วนใหญ่ต้องยืนยันตัวตน (KYC) – ต้องส่งเอกสารและรูปถ่ายเพื่อยืนยันตัวตน
- ไม่ได้ถือ Private Key เอง – เหรียญถูกควบคุมโดยเว็บเทรด ไม่ใช่คุณ
- อาจมีปัญหาเว็บล่ม – ในช่วงที่ตลาดผันผวนมาก เว็บอาจเข้าถึงไม่ได้
2. เว็บเทรดแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Exchange – DEX)
เว็บเทรดคริปโตที่ใช้ระบบ AMM เพื่อดูแลจัดการ ไม่มีตัวกลางที่เป็นผู้ควบคุมดูแลตลาด
ข้อดี:
- ไม่ต้องยืนยันตัวตน – เน้นความเป็นส่วนตัวสูง
- ไม่มีตัวกลาง – ธุรกรรมเกิดขึ้นระหว่างผู้ใช้งานโดยตรง
- ถือครอง Private Key เอง – คุณควบคุมเหรียญของคุณเองตลอดเวลา
ข้อเสีย:
- สภาพคล่องต่ำกว่า – อาจมีผู้ซื้อขายน้อยกว่า ทำให้การซื้อขายอาจจะไม่คึกคักเท่า CEX
- ความเสี่ยงจาก Smart Contract – อาจจะมีช่องโหว่ในโค้ดได้
- ค่าธรรมเนียมเครือข่ายอาจจะสูง – โดยเฉพาะบนเครือข่ายที่มีการใช้งานสูง
สำหรับมือใหม่ ซื้อเหรียญคริปโต แอพไหนดี?
หากคุณเป็นมือใหม่และยังไม่คุ้นเคยกับโลกคริปโต การเลือกแอพที่ใช้งานได้ง่ายและมีความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะในปี 2025 ที่มีแอพให้เลือกมากมาย ต่อไปนี้เป็นปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกแอพซื้อคริปโต:
ความง่ายในการใช้งาน
สำหรับมือใหม่ แอพที่มีอินเทอร์เฟซเรียบง่าย เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อนเป็นสิ่งสำคัญ หลายคนที่กำลังตัดสินใจว่า ซื้อคริปโตที่ไหนดี มักจะมองหาแอพที่สามารถซื้อคริปโตได้ภายในไม่กี่คลิก Best Wallet เป็นตัวอย่างของแอพที่เน้นความเรียบง่าย ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลด สร้างบัญชี และซื้อคริปโตได้ภายในไม่กี่นาที
ความปลอดภัย
ความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญมากในการเลือกแอพซื้อคริปโต คุณควรเลือกแอพที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ดี เช่น การยืนยันตัวตน 2 ชั้น (2FA) และการเข้าใช้งานผ่านระบบไบโอเมตริก นอกจากนี้ แอพแบบ Non-Custodial ที่ให้คุณถือ Private Key เอง เช่น Best Wallet จะปลอดภัยกว่าเพราะคุณควบคุมเหรียญของคุณเองโดยตรง
ค่าธรรมเนียม
ค่าธรรมเนียมเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา แอพซื้อคริปโตแต่ละแอพมีโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน บางแอพอาจมีค่าธรรมเนียมซื้อขายต่ำ แต่มีค่าธรรมเนียมถอนสูง หรือในทางกลับกัน คุณควรเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมให้ดีก่อนตัดสินใจว่าจะซื้อคริปโตที่ไหนดี
รองรับเหรียญหลากหลาย
แอพที่ดีควรรองรับเหรียญคริปโตที่หลากหลาย ไม่เพียงแต่ Bitcoin และ Ethereum แต่ยังรวมถึง Altcoin และโทเค็นยอดนิยมอื่นๆ ด้วย Best Wallet ขึ้นชื่อเรื่องการรองรับบล็อกเชนมากกว่า 60 บล็อกเชน ทำให้ผู้ใช้งานมีตัวเลือกในการลงทุนมากขึ้น



วิธีการชำระเงิน
ความหลากหลายของวิธีการชำระเงินก็เป็นปัจจัยสำคัญ แอพที่ดีควรรองรับการชำระเงินหลายรูปแบบ เช่น บัตรเครดิต/เดบิต การโอนเงินผ่านธนาคาร หรือระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ Best Wallet มีตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลาย รวมถึงการสแกน QR Code ในแอพธนาคาร ทำให้การซื้อคริปโตทำได้อย่างสะดวก
ขั้นตอนการซื้อขายเหรียญคริปโต แบบ Step-by-Step ผ่านแอพ Best Wallet

การซื้อขายเหรียญคริปโตอาจจะดูซับซ้อนสำหรับนักลงทุนที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์ แต่ด้วยแอพพลิเคชันที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายอย่าง Best Wallet คุณสามารถเริ่มต้นใช้งานได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย บทความนี้จะแนะนำขั้นตอนการ ซื้อคริปโต แบบละเอียดทีละขั้นตอน ตั้งแต่การดาวน์โหลดแอพ การสร้างบัญชี ไปจนถึงการซื้อและจัดการคริปโตของคุณ
เตรียมพร้อมก่อนเริ่มต้น
ก่อนที่จะเริ่มสมัครใช้งาน Best Wallet เพื่อซื้อเหรียญคริปโต นี่คือสิ่งที่คุณควรเตรียมให้พร้อม:
- สมาร์ทโฟนที่รองรับระบบปฏิบัติการ iOS หรือ Android
- การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียร
- อีเมลที่ใช้งาน
- บัตรเครดิต/เดบิต หรือ แอพธนาคารสำหรับการชำระเงิน
ขั้นตอนที่ 1: ดาวน์โหลดและติดตั้งแอพ Best Wallet
เริ่มต้นด้วยการดาวน์โหลด แอพซื้อคริปโต Best Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมในปี 2025 เนื่องจากใช้งานง่ายและมีความปลอดภัยสูง
รอให้การติดตั้งเสร็จสมบูรณ์
เข้าไปที่ App Store (สำหรับ iOS) หรือ Google Play Store (สำหรับ Android)
ค้นหาคำว่า “Best Wallet”
กดปุ่ม “ติดตั้ง” หรือ “ดาวน์โหลด”

Best Wallet เป็นกระเป๋าเงินแบบ Non-Custodial ซึ่งหมายความว่าคุณจะเป็นผู้ควบคุม Private Keys ของคุณเองทั้งหมด นอกจากนี้ Best Wallet ยังรองรับมากกว่า 60 บล็อกเชน ทำให้คุณสามารถจัดการคริปโตได้หลากหลายประเภท
ข้อควรรู้: การใช้กระเป๋าเงินแบบ Non-Custodial ใหวามปลอดภัยสูงกว่า แต่ก็มาพร้อมความรับผิดชอบเช่นกัน คุณจะต้องเก็บรักษา Private Keys หรือ Recovery Phrase ไว้อย่างดี เพราะหากมันสูญหายไป จะไม่สามารถกู้คืนเงินในกระเป๋าได้
ขั้นตอนที่ 2: สร้างบัญชีกระเป๋าเงิน
หลังจากติดตั้งแอพเสร็จเรียบร้อย ให้เปิดแอพ Best Wallet และเริ่มสร้างบัญชีของคุณ:
เลือก “Continue with Apple” หรือ “Continue with Google”
เปิดแอพ Best Wallet
เลือกวิธีการสร้างบัญชี:
กรอกอีเมลของคุณ หรือ

- กำหนดรหัส PIN 4 หลักเพื่อความปลอดภัย (จดจำให้ดี เพราะจะใช้ทุกครั้งที่เข้าแอพ หากคุณไม่ได้เปิดใช้งานระบบไบโอเมตริก)
- เปิดใช้งานระบบไบโอเมตริก (การสแกนลายนิ้วมือหรือใบหน้า) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย (หากคุณเปิดใช้งานระบบไบโอเมตริก คุณจะใช้งานระบบนี้เข้าสู่กระเป๋าเงินแทนรหัส PIN 4 หลัก)

3. บันทึก Seed Phrase และเก็บเอาไว้ในที่ปลอดภัย (ในกรณีที่คุณเลือกสำรองข้อมูลด้วยตัวเอง) เนื่องจากนี่คือสิ่งที่จะใช้กู้คืนกระเป๋าเงินของคุณได้หากลืมรหัสหรือเปลี่ยนอุปกรณ์
สิ่งที่น่าสนใจของ Best Wallet คือไม่จำเป็นต้องทำการยืนยันตัวตน (KYC) เพื่อสร้างบัญชี ซึ่งช่วยให้คุณสามารถรักษาความเป็นส่วนตัวได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม ข้อควรระวังคือ คุณจะต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยด้วยตัวเอง
ขั้นตอนที่ 3: วิธีซื้อคริปโตด้วย Best Wallet
เมื่อสร้างบัญชีเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณพร้อมที่จะเริ่มซื้อเหรียญคริปโตได้ทันที โดยขั้นตอนการซื้อคริปโตผ่าน Best Wallet มีดังนี้:
- ที่หน้าหลักของแอพ Best Wallet กดปุ่ม “ซื้อ” (Buy) ที่กระเป๋าเงิน

- เลือกคริปโตที่ต้องการซื้อ (ในที่นี้ เราจะใช้ Bitcoin เป็นตัวอย่าง):
- เลือกเชน Bitcoin จากรายการ
- จากนั้นเลือก Bitcoin (BTC) ที่แสดงในรายการด้านล่าง

- ระบุจำนวนเงินที่ต้องการซื้อ:
- กรอกจำนวนเงินที่ต้องการใช้ซื้อ
- เลือกสกุลเงินบาท (THB) จากตัวเลือกสกุลเงิน
- ระบบจะคำนวณจำนวน BTC ที่คุณจะได้รับโดยอัตโนมัติตามเรตราคาตลาดของผู้ให้บริการชำระเงิน

- เลือกวิธีการชำระเงิน:
- บัตรเครดิต/เดบิต (อาจมีค่าธรรมเนียมสูงกว่าวิธีอื่น)
- การสแกน QR Code ในแอพธนาคาร
- Google Pay (สำหรับ Android)
- บริการชำระเงินอื่นๆ ที่มีให้เลือก (PayPal, Skrill, Neteller)

- ทำการชำระเงิน:
- ระบบจะนำคุณไปยังหน้าชำระเงินของผู้ให้บริการตามที่คุณเลือก
- ทำตามขั้นตอนการชำระเงินที่ปรากฏบนหน้าจอให้ครบถ้วน
- รอการยืนยันและรับเหรียญ:
- เมื่อชำระเงินเสร็จสมบูรณ์ จะมีการแจ้งเตือนว่าการทำรายการสำเร็จ
- Bitcoin จะถูกส่งเข้ากระเป๋าเงินของคุณภายในไม่กี่นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของเครือข่าย)
ข้อสังเกต: ราคาที่คุณซื้อจะเป็นราคา Market Price ณ เวลาที่ทำรายการ หากคุณต้องการกำหนดราคาซื้อเอง คุณอาจต้องใช้ฟีเจอร์ DEX (Decentralized Exchange) ของ Best Wallet แทน ซึ่งรองรับคำสั่งแบบ Limit Order ได้
การเริ่มต้นซื้อคริปโตผ่าน Best Wallet เป็นเพียงก้าวแรกในการเดินทางสู่โลกของสินทรัพย์ดิจิทัล แม้ว่าแอพพลิเคชันนี้จะช่วยให้การซื้อขายเหรียญคริปโตเป็นเรื่องง่าย แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการรู้จักวิธีป้องกันตัวเองจากภัยคุกคามต่างๆ ในโลกคริปโต ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวง การแฮ็ก หรือการสูญหายของสินทรัพย์ ต่อไป เราจะมาดูวิธีปกป้องตัวเองจากภัยอันตรายต่างๆ ในโลกไซเบอร์กัน
ป้องกันตัวเองจาก Scam และการจัดเก็บเหรียญคริปโตให้ปลอดภัย ด้วย Best Wallet และวิธีอื่นๆ

การเก็บรักษาสินทรัพย์ของคุณให้ปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในปี 2025 ที่กลโกงและการโจมตีทางไซเบอร์มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เราจึงจะมาแนะนำวิธีการป้องกันตัวเองจาก Scam และเทคนิคการเก็บรักษาคริปโตของคุณอย่างปลอดภัย
กลโกงยอดฮิตในโลกคริปโตที่ต้องระวัง
โลกของคริปโตเคอร์เรนซีเต็มไปด้วยโอกาสในการสร้างกำไร แต่ก็มีมิจฉาชีพที่พยายามหาวิธีหลอกลวงนักลงทุนอยู่เสมอ นี่คือกลโกงยอดฮิตที่คุณควรรู้เมื่อเริ่มซื้อเหรียญคริปโต:
ฟิชชิง (Phishing)
ลักษณะของกลโกง: มิจฉาชีพจะสร้างเว็บไซต์หรืออีเมลปลอมที่เหมือนกับเว็บไซต์ทางการของกระเป๋าเงินคริปโตหรือเว็บเอ็กซ์เชนจ์ เพื่อหลอกให้คุณกรอกรหัสผ่านหรือ Private Key จากนั้นใช้ข้อมูลเหล่านี้เข้าถึงและขโมยเหรียญของคุณ
วิธีป้องกัน: ตรวจสอบ URL อย่างละเอียดทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์จากอีเมลหรือข้อความ แทนที่จะคลิกลิงก์ ให้พิมพ์ URL โดยตรงในเบราว์เซอร์ และติดตั้งส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่ช่วยตรวจจับเว็บไซต์ฟิชชิง
แชร์ลูกโซ่ (Ponzi Schemes)
ลักษณะของกลโกง: แพลตฟอร์มที่สัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูงผิดปกติอย่างสม่ำเสมอ โดยอ้างว่ามีกลยุทธ์การเทรดที่เหนือชั้น แต่ความจริงเพียงนำเงินจากนักลงทุนรายใหม่มาจ่ายให้นักลงทุนรายเก่า
วิธีป้องกัน: สงสัยในข้อเสนอที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง ศึกษาประวัติของบริษัทและทีมผู้บริหาร ตรวจสอบรีวิวจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าแพลตฟอร์มสร้างรายได้จากอะไร
ปั่นราคา (Pump and Dump)
ลักษณะของกลโกง: กลุ่มนักเก็งกำไรร่วมกันซื้อเหรียญคริปโตที่มีมูลค่าตลาดต่ำจำนวนมาก ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น (Pump) จากนั้นจะสร้างกระแสผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อดึงดูดนักลงทุนรายย่อย ก่อนจะขายทั้งหมดทิ้ง (Dump) ทำให้ราคาดิ่งลง
วิธีป้องกัน: ระวังเหรียญที่ราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่มีเหตุผลรองรับ ศึกษาโครงการอย่างละเอียดก่อนลงทุน ไม่ซื้อตามกระแสหรือความเห็นในโซเชียลมีเดียเพียงอย่างเดียว และหลีกเลี่ยงเหรียญที่มีสภาพคล่องต่ำ
โปรเจกต์คริปโตปลอม (Fake Projects)
ลักษณะของกลโกง: มิจฉาชีพสร้างเว็บไซต์และเอกสาร whitepaper ที่ดูน่าเชื่อถือ บางครั้งอ้างว่ามีคนดังเป็นที่ปรึกษา เพื่อระดมทุนจากนักลงทุน แต่ไม่มีแผนจะพัฒนาโปรเจกต์จริง เมื่อระดมทุนได้ตามเป้าแล้ว ก็จะหายไปพร้อมเงินทั้งหมด
วิธีป้องกัน: ตรวจสอบประวัติของทีมพัฒนา ค้นหาและติดต่อที่ปรึกษาที่อ้างถึงเพื่อยืนยัน อ่าน whitepaper อย่างละเอียดเพื่อประเมินความเป็นไปได้ของโครงการ และศึกษาความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในวงการ
การแฮ็กและมัลแวร์ (Hacks and Malware)
ลักษณะของกลโกง: แฮ็กเกอร์พยายามจะเข้าถึงกระเป๋าเงินคริปโตของคุณผ่านการโจมตีระบบหรือการติดตั้งมัลแวร์ บางครั้งแฝงตัวมาในซอฟต์แวร์ที่ดูเหมือนกระเป๋าเงินคริปโตจริง แต่จริงๆ แล้วถูกออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลหรือเหรียญ
วิธีป้องกัน: ใช้กระเป๋าเงินคริปโตแบบฮาร์ดแวร์สำหรับเก็บเหรียญคริปโตมูลค่าสูง อัพเดทซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการเสมอ ดาวน์โหลดแอพเฉพาะจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีประสิทธิภาพ
วิธีเก็บรักษาคริปโตให้ปลอดภัยด้วย Best Wallet และกระเป๋าเงินคริปโตอื่นๆ
การเก็บรักษาเหรียญคริปโตให้ปลอดภัยถือเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดสำหรับนักลงทุน และนี่คือวิธีการใช้กระเป๋าเงินของคุณอย่างปลอดภัย:
1. เลือก Best Wallet สำหรับธุรกรรมประจำวัน
Best Wallet เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการทำธุรกรรมประจำวันด้วยคุณสมบัติความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง เริ่มจากการตั้งค่าระบบความปลอดภัยทั้งหมดที่มีให้ ทั้งรหัส PIN ที่ซับซ้อน การยืนยันด้วยไบโอเมตริก และการเปิดใช้งานการแจ้งเตือนสำหรับทุกธุรกรรม สำคัญที่สุดคือการจดบันทึก Seed Phrase และเก็บไว้ในที่ปลอดภัยที่ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ไม่ควรเก็บเหรียญมูลค่าสูงทั้งหมดไว้ในกระเป๋าเงินใบเดียว แม้จะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเพียงใดก็ตาม
2. ใช้กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ (Cold Wallet) เพื่อเก็บในระยะยาว
สำหรับการเก็บคริปโตมูลค่าสูงหรือระยะยาว ควรพิจารณาใช้ Hardware Wallet เช่น Ledger, Trezor หรือ SafePal ซึ่งเป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เมื่อได้รับอุปกรณ์ ควรตรวจสอบว่าไม่มีร่องรอยการเปิดใช้งานมาก่อน ตั้งรหัส PIN ที่คาดเดายาก และจดบันทึก Recovery Seed ลงบนกระดาษหรือแผ่นโลหะ (ไม่ใช่ดิจิทัล) แล้วเก็บไว้ในที่ปลอดภัยหลายแห่ง เชื่อมต่อ Cold Wallet กับคอมพิวเตอร์เฉพาะเมื่อต้องการทำธุรกรรมเท่านั้น
3. ใช้การแบ่งสัดส่วนและการกระจายความเสี่ยง
นำหลักการกระจายความเสี่ยงมาใช้กับการเก็บรักษาคริปโต โดยแบ่งสินทรัพย์ออกเป็นหลายส่วนและเก็บในกระเป๋าเงินที่แตกต่างกัน เช่น เก็บเงินลงทุนก้อนใหญ่ใน Cold Wallet หลายๆ ใบ กระจายตามประเภทเหรียญ ส่วนเงินที่ใช้ทำธุรกรรมบ่อยให้เก็บใน Best Wallet หากมีเหรียญมูลค่าสูงมาก อาจจะพิจารณาใช้การเก็บในกระเป๋าเงินแบบ Multi-Signature ที่ต้องการการยืนยันจากหลายแหล่งก่อนทำธุรกรรม วิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญเสียเงินทุนทั้งหมดในครั้งเดียว
4. อัพเดทและตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ
การรักษาความปลอดภัยเป็นกระบวนการต่อเนื่อง ควรอัพเดทซอฟต์แวร์ของกระเป๋าเงินคริปโตของคุณให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอเพื่อรับการแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ตรวจสอบประวัติธุรกรรมเป็นประจำเพื่อระบุกิจกรรมที่น่าสงสัย และทดสอบกระบวนการกู้คืนกระเป๋าเงินเป็นระยะ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณสามารถเข้าถึงเหรียญได้หากอุปกรณ์หลักเกิดความเสียหาย สุดท้าย ติดตามข่าวสารด้านความปลอดภัยคริปโตเพื่อรับทราบภัยคุกคามใหม่ๆ และวิธีการป้องกัน
บทส่งท้าย
การลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีสามารถเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ต้องบริหารจัดการอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือนักลงทุนที่มีประสบการณ์ การเลือกแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถืออย่าง Best Wallet จะช่วยให้คุณสามารถเริ่มต้นลงทุนได้อย่างสะดวกและปลอดภัย พร้อมทั้งเรียนรู้วิธีป้องกันตัวเองจากภัยคุกคามต่างๆ ในโลกคริปโต
การประสบความสำเร็จในการลงทุนคริปโตไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกเหรียญที่ถูกต้องเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ การอัพเดทความรู้อยู่เสมอ และการใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับรูปแบบการลงทุนของคุณ เพื่อให้การเดินทางในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นไปอย่างราบรื่นและสามารถสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการซื้อคริปโต
สำหรับผู้เริ่มต้นลงทุนในคริปโต แนะนำให้เลือก Bitcoin (BTC) หรือ Ethereum (ETH) เนื่องจากเป็นเหรียญที่ได้รับการยอมรับ มีสภาพคล่องสูง และข้อมูลหาได้ง่าย ส่วนผู้กังวลเรื่องความผันผวนอาจเลือก USDT ที่มีมูลค่าผูกกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงหลายด้านที่ต้องระวัง ทั้งความผันผวนของราคาที่รุนแรง ภัยคุกคามด้านความปลอดภัยจากการแฮ็กกระเป๋าเงินดิจิทัล การหลอกลวงในตลาดที่ยังขาดการกำกับดูแลเข้มงวด ความไม่แน่นอนของกฎระเบียบที่แตกต่างในแต่ละประเทศ ปัญหาทางเทคนิคของเทคโนโลยีที่ยังใหม่ และข้อจำกัดด้านสภาพคล่องของบางเหรียญ
คุณสามารถเช็คราคาคริปโตแบบเรียลไทม์ได้จากหลายแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น CoinGecko ที่แสดงราคาคริปโตหลากหลายสกุลรวมถึงราคาในเงินบาท, Bitkub เว็บเทรดคริปโตของไทยที่มีข้อมูลราคาในหน่วยเงินบาท, Coinbase ที่ให้ข้อมูลราคาพร้อมกราฟ เป็นต้น คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านเว็บหรือแอปพลิเคชันตามความสะดวก
การซื้อคริปโตด้วยเงินบาทไม่ต้องเสียภาษี แต่เมื่อขายได้กำไรต้องนำไปคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราขั้นบันไดสูงสุด 35% ปัจจุบันได้รับการยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% และ VAT 7% สำหรับธุรกรรมที่ทำผ่านกระดานเทรดที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต.
คุณสามารถนำผลขาดทุนจากการเทรดคริปโตในปีเดียวกันมาหักลบกับกำไรได้ โดยเลือกคำนวณต้นทุนได้ 2 วิธีคือ FIFO หรือ Moving Average Cost และสำหรับธุรกรรมนอกกระดานที่ได้รับอนุญาตหรือการได้รับคริปโตจากการขุด เงินเดือน หรือรางวัลต่างๆ ก็ต้องนำมาคำนวณภาษีเช่นกัน
หากลืมรหัสผ่านแอปเทรดคริปโต ให้กด “ลืมรหัสผ่าน” บนหน้าล็อกอิน กรอกอีเมลหรือเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้เพื่อรับรหัสยืนยัน (OTP) นำรหัสมากรอก แล้วตั้งรหัสผ่านใหม่ บางแอปอาจต้องยืนยันตัวตนเพิ่มเติม ส่วนกระเป๋าเงินแบบ non-custodial ต้องใช้ seed phrase ในการกู้คืนเท่านั้น
DCA หรือ Dollar-Cost Averaging คือกลยุทธ์การลงทุนคริปโตแบบทยอยซื้อด้วยเงินจำนวนเท่ากันในช่วงเวลาที่กำหนด (รายสัปดาห์/รายเดือน) โดยไม่คำนึงถึงราคาตลาด วิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวน สร้างวินัยการลงทุน และให้ต้นทุนเฉลี่ยที่สมเหตุสมผล เหมาะสำหรับมือใหม่หรือผู้ที่ไม่มีเวลาติดตามราคาตลาดตลอดเวลา